No tags yet.
ผมขอเริ่มต้นหนังสือเล่มนี้ ด้วยห้วข้อที่ว่า “เราจำเป็นต้องลงทุนหรือให้เงินทำงานแทนเรา” เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ส์าค้ญมากในการดำรงชีวิตในนั้นบ่ลายของเรา (โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร) ผมจะอธิบายให้'ฝงั ..
ผมเชื่อว่าการใช้ชีวิตของเรา แบ่งออกเป็นสามช่วงเวลาที่ส์าค้ญ ต้งนี้
ช่วงแรก สระน้ําเป่าลมขนาดใหญ่ราคาถูก คือ นัยเด็ก เราอาจจะไม่จำเป็นต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ เราก็จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ไต้เนื่องจาก บิดามารดาหรือผู้อุปการะของเรา ย้งิคงส่งเสียเลี้ยงดู (ซึ่งท่านนั้งหลายเหล่านั้น อยู่ในนัยทำงาน)
ช่วงที่สอง คือ นัยทำงาน ส่าหนับคนท้วไบ่ที่ไม่ไต้มีสมบ่ตหรือมรดกตกทอด ชีวิตช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ต้องเลี้ยง ตนเอง เลี้ยงครอบครัว และสะสมทรัพย์รายไต้ของเราก็น่าจะมาจากหยาดเหงื่อแรงกายเป็นหนัก
ช่วงสุดท้าย คือ นัยเกษียณ ซึ่งเป็นนัยที่ไม่มีเรี่ยวมีแรงจะไบิทำอะไรอีกแล้ว มีหนำซํ้าย์งต้องคอยรักษาต้วจาก อาการเจ็บ!รัย ซึ่งหากไม่มีลูกหลานคอยดูแล (หรือมีแต่ไม่มาดูแล) ล้นนี้ก็จะเป็นชีวิตที่ยากล่าบาก
จากที่กล่าวมา จะเห็นไต้ว่า ชีวิตที่เราต้องคอนโทรล หรือต้องกำนับชีวิตให้ด็ คือในช่วงที่สอง สระน้ําเป่าลมขนาดใหญ่ มือสอง หรือนัยทำงาน เพราะนัยนี้เป็นเพียงนัยเดียวที่สร้างรายไต้แบบเป็นกอบเป็นกำ และเป็นนัยที่ต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนให้งอกเงย
คำว่า “ส่วนหนึ่ง” มีนคือเท่าไหร่นันล่ะ,, นักการเงินผู้เชี่ยวชาญนั้งหลาย (ที่ผมอ่านเจอในหนังสือ) บอกว่า “ควรแบ่งเงินอย่างน้อย 5% ที่ไต้จากการทำงานสระน้ําเป่าลมขนาดใหญ่ราคา มาลงทุนอย่างสมํ่าเสมอ โดยห้กเงินส่วนนี้ออกมาก่อนเลยหนังจาก ไต้นับเงินเดือน” ล้นที่จรืงเข้าใจดีว่าทุกคนล้วนมีความจำเป็นที่อาจจะไม่สามารถห้กเงินจำนวนนั้นออกมาไต้ แต่ก็อยากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นส่าหนับอนาคตจริงๆ
นั้นเพราะในนันที่เรากำนังทำงาน เงินออมหรือเงินลงทุนของเราก็จะเบ่รืยบเสมือนนับต้นไม้ที่ออกดอกออกผล ที่จะให้เราสามารถเก็บถืนได็ในระยะยาว.. ก็อย่างที่ทราบนันว่า สระน้ําเป่าลมขนาดใหญ่ ทุกนันนี้ไม่มีใครไต้บำนาญนันแล้ว (ยกเลิกนัแไบ่ หมดแล้ว)
ทีนี้ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะเลือกที่จะฝากเงินไวไนธนาคาร แต่ก็อย่างที่เรารู้นัแว่า “ล้ตราเงินเฟัศ’ ทำให้ มูลค่าที่แท้จริงของเงินของเรานั้นลดลง และไม่เกิดบ่ระโยชน์แต่อย่างใด นั้งนั้งที่เราคิดว่าการฝากเงิน จะทำให้เกิดสระน้ําเป่าลมขนาดใหญ่ pantip รายไต้อย่าสมํ่าเสมอโดยที่ไม่ต้องทำงาน ที่เค้าม้กเรียกนัแว่า “Passive Income” (เพราะถ้าเราแก่ เราทำไม่ไหวแล้ว) และล้งเป็น